6095

เมตาเวิร์สกับการตลาด 6.0

บทที่ 9.5

ตัวอย่างการใช้เมตาเวิร์สกับการตลาด (IoT – Internet of Things)

คำจำกัดความ: IoT (Internet of Things) คือเครือข่ายของอุปกรณ์ทางกายภาพที่เชื่อมต่อกันผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งสามารถรวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลได้ อุปกรณ์เหล่านี้มีตั้งแต่อุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้าน เช่น ตู้เย็นอัจฉริยะและเทอร์โมสแตท ไปจนถึงเครื่องจักรในอุตสาหกรรม เช่น เซ็นเซอร์ที่ติดตั้งในโรงงาน

ลักษณะสำคัญของ IoT:

  • การเชื่อมต่อ (Connectivity): อุปกรณ์ต่างๆ สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้
  • การรวบรวมข้อมูล (Data Collection): อุปกรณ์ IoT มักมีเซ็นเซอร์ที่รวบรวมข้อมูลจากสภาพแวดล้อม เช่น อุณหภูมิ ความชื้น การเคลื่อนไหว เป็นต้น
  • การวิเคราะห์และการตัดสินใจ (Data Analysis and Decision Making): ข้อมูลที่รวบรวมได้ถูกวิเคราะห์และนำไปใช้ในการตัดสินใจอัตโนมัติหรือเพื่อแจ้งเตือนผู้ใช้
  • การโต้ตอบ (Interactivity): อุปกรณ์ IoT สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้หรืออุปกรณ์อื่นๆ ได้แบบเรียลไทม์

การใช้ IoT ในการตลาด: IoT ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและประสิทธิภาพในการใช้ชีวิตและการทำงาน โดยการเชื่อมต่ออุปกรณ์และการรวบรวมข้อมูลเพื่อการตัดสินใจที่ดีขึ้น

ตัวอย่างการใช้ IoT ในการตลาด:

  1. บ้านอัจฉริยะและ NFT (Smart Homes and NFTs)
    • ตัวอย่าง: การใช้ NFT เพื่อควบคุมและยืนยันการเข้าถึงบ้านอัจฉริยะ
    • วิธีการทำงาน: เจ้าของบ้านใช้ NFT เป็นกุญแจดิจิทัลที่เก็บในกระเป๋าสตางค์บล็อกเชน สมาร์ทล็อคที่เชื่อมต่อกับ IoT สามารถตรวจสอบ NFT เพื่ออนุญาตการเข้าถึง
    • แหล่งที่มา: Cointelegraph
  2. การค้าปลีกอัจฉริยะด้วย AR และ IoT (Smart Retail with AR and IoT)
    • ตัวอย่าง: การเพิ่มประสบการณ์การช็อปปิ้งด้วย AR และ IoT
    • วิธีการทำงาน: ชั้นวางสินค้าที่เชื่อมต่อกับ IoT ติดตามสินค้าคงคลังและการโต้ตอบของลูกค้า ผู้ซื้อใช้แอป AR บนสมาร์ทโฟนเพื่อสแกนผลิตภัณฑ์ รับข้อมูลเพิ่มเติม การลองใช้เสมือน และข้อเสนอส่งเสริมการขาย
    • แหล่งที่มา: Retail Dive
  3. สุขภาพและฟิตเนส (Health and Fitness)
    • ตัวอย่าง: การรวมอุปกรณ์ฟิตเนส IoT กับ VR เพื่อการออกกำลังกายแบบมีส่วนร่วม
    • วิธีการทำงาน: อุปกรณ์ฟิตเนสที่เชื่อมต่อกับ IoT ให้ข้อมูลเรียลไทม์เกี่ยวกับการปฏิบัติงาน ข้อมูลนี้จะถูกรวมเข้ากับสภาพแวดล้อม VR เพื่อสร้างประสบการณ์การออกกำลังกายที่มีส่วนร่วม เช่น การวิ่งผ่านภูมิทัศน์เสมือนจริงหรือการเข้าร่วมการแข่งขันเสมือนจริง
    • แหล่งที่มา: TechCrunch
  4. ห้องลองเสื้อเสมือนจริง (Virtual Fitting Rooms)
    • ตัวอย่าง: การทำงานร่วมกันของเทคโนโลยี IoT และ AR ในห้องลองเสื้อเสมือนจริง
    • วิธีการทำงาน: กระจกอัจฉริยะติดตั้งเซ็นเซอร์ IoT และเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต สามารถตรวจจับลูกค้าและโต้ตอบกับแอป AR เพื่อให้บริการลองเสื้อเสมือนจริง ลูกค้าสามารถสแกนและดูเสื้อผ้าดิจิทัลบนร่างกายในกระจกหรือผ่านแอปพลิเคชันมือถือ
    • แหล่งที่มา: AR and IoT integration

การทำงานร่วมกันของ IoT และ AR:

  • กระจกอัจฉริยะ (Smart Mirrors): กระจกที่ติดตั้งเซ็นเซอร์ IoT และเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ใช้ตรวจจับลูกค้าและโต้ตอบกับแอป AR
  • แท็ก RFID: แท็กที่ติดตั้งบนเสื้อผ้าเพื่อระบุสินค้าและแสดงผลเสมือนบนลูกค้า
  • อุปกรณ์สวมใส่ (Wearable Devices): ใช้อุปกรณ์ IoT ที่สวมใส่ได้เพื่อติดตามการเคลื่อนไหวและปรับขนาดเสื้อผ้า

เทคโนโลยี AR:

  • การแสดงผลเสมือนจริง (Augmented Reality Displays): AR ซ้อนทับเสื้อผ้าดิจิทัลบนเงาของลูกค้า
  • การสแกนร่างกายสามมิติ (3D Body Scanning): สร้างโมเดลดิจิทัลของร่างกายลูกค้าเพื่อปรับขนาดและแสดงเสื้อผ้า
  • คุณสมบัติการโต้ตอบ (Interactive Features): ลูกค้าใช้การสัมผัสหรือการควบคุมด้วยท่าทางเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า สี และขนาด

ประโยชน์ของห้องลองเสื้อเสมือนจริง:

  • ประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ดีขึ้น: ลูกค้าลองชุดหลายๆ แบบได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าจริง
  • การปรับแต่งส่วนบุคคล: ระบบแนะนำเสื้อผ้าตามความชอบและการเลือกก่อนหน้า
  • ความสะดวกสบาย: ลดความจำเป็นในการใช้ห้องลองเสื้อจริง ใช้ได้ทั้งในร้านและออนไลน์
  • ลดการคืนสินค้า: ลดจำนวนการคืนสินค้าที่เกิดจากขนาดไม่ถูกต้อง

————————

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง

————————