เมตาเวิร์สกับการตลาด 6.0
บทที่ 9.5
ตัวอย่างการใช้เมตาเวิร์สกับการตลาด (IoT – Internet of Things)
คำจำกัดความ: IoT (Internet of Things) คือเครือข่ายของอุปกรณ์ทางกายภาพที่เชื่อมต่อกันผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งสามารถรวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลได้ อุปกรณ์เหล่านี้มีตั้งแต่อุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้าน เช่น ตู้เย็นอัจฉริยะและเทอร์โมสแตท ไปจนถึงเครื่องจักรในอุตสาหกรรม เช่น เซ็นเซอร์ที่ติดตั้งในโรงงาน
ลักษณะสำคัญของ IoT:
- การเชื่อมต่อ (Connectivity): อุปกรณ์ต่างๆ สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้
- การรวบรวมข้อมูล (Data Collection): อุปกรณ์ IoT มักมีเซ็นเซอร์ที่รวบรวมข้อมูลจากสภาพแวดล้อม เช่น อุณหภูมิ ความชื้น การเคลื่อนไหว เป็นต้น
- การวิเคราะห์และการตัดสินใจ (Data Analysis and Decision Making): ข้อมูลที่รวบรวมได้ถูกวิเคราะห์และนำไปใช้ในการตัดสินใจอัตโนมัติหรือเพื่อแจ้งเตือนผู้ใช้
- การโต้ตอบ (Interactivity): อุปกรณ์ IoT สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้หรืออุปกรณ์อื่นๆ ได้แบบเรียลไทม์
การใช้ IoT ในการตลาด: IoT ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและประสิทธิภาพในการใช้ชีวิตและการทำงาน โดยการเชื่อมต่ออุปกรณ์และการรวบรวมข้อมูลเพื่อการตัดสินใจที่ดีขึ้น
ตัวอย่างการใช้ IoT ในการตลาด:
- บ้านอัจฉริยะและ NFT (Smart Homes and NFTs)
- ตัวอย่าง: การใช้ NFT เพื่อควบคุมและยืนยันการเข้าถึงบ้านอัจฉริยะ
- วิธีการทำงาน: เจ้าของบ้านใช้ NFT เป็นกุญแจดิจิทัลที่เก็บในกระเป๋าสตางค์บล็อกเชน สมาร์ทล็อคที่เชื่อมต่อกับ IoT สามารถตรวจสอบ NFT เพื่ออนุญาตการเข้าถึง
- แหล่งที่มา: Cointelegraph
- การค้าปลีกอัจฉริยะด้วย AR และ IoT (Smart Retail with AR and IoT)
- ตัวอย่าง: การเพิ่มประสบการณ์การช็อปปิ้งด้วย AR และ IoT
- วิธีการทำงาน: ชั้นวางสินค้าที่เชื่อมต่อกับ IoT ติดตามสินค้าคงคลังและการโต้ตอบของลูกค้า ผู้ซื้อใช้แอป AR บนสมาร์ทโฟนเพื่อสแกนผลิตภัณฑ์ รับข้อมูลเพิ่มเติม การลองใช้เสมือน และข้อเสนอส่งเสริมการขาย
- แหล่งที่มา: Retail Dive
- สุขภาพและฟิตเนส (Health and Fitness)
- ตัวอย่าง: การรวมอุปกรณ์ฟิตเนส IoT กับ VR เพื่อการออกกำลังกายแบบมีส่วนร่วม
- วิธีการทำงาน: อุปกรณ์ฟิตเนสที่เชื่อมต่อกับ IoT ให้ข้อมูลเรียลไทม์เกี่ยวกับการปฏิบัติงาน ข้อมูลนี้จะถูกรวมเข้ากับสภาพแวดล้อม VR เพื่อสร้างประสบการณ์การออกกำลังกายที่มีส่วนร่วม เช่น การวิ่งผ่านภูมิทัศน์เสมือนจริงหรือการเข้าร่วมการแข่งขันเสมือนจริง
- แหล่งที่มา: TechCrunch
- ห้องลองเสื้อเสมือนจริง (Virtual Fitting Rooms)
- ตัวอย่าง: การทำงานร่วมกันของเทคโนโลยี IoT และ AR ในห้องลองเสื้อเสมือนจริง
- วิธีการทำงาน: กระจกอัจฉริยะติดตั้งเซ็นเซอร์ IoT และเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต สามารถตรวจจับลูกค้าและโต้ตอบกับแอป AR เพื่อให้บริการลองเสื้อเสมือนจริง ลูกค้าสามารถสแกนและดูเสื้อผ้าดิจิทัลบนร่างกายในกระจกหรือผ่านแอปพลิเคชันมือถือ
- แหล่งที่มา: AR and IoT integration
การทำงานร่วมกันของ IoT และ AR:
- กระจกอัจฉริยะ (Smart Mirrors): กระจกที่ติดตั้งเซ็นเซอร์ IoT และเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ใช้ตรวจจับลูกค้าและโต้ตอบกับแอป AR
- แท็ก RFID: แท็กที่ติดตั้งบนเสื้อผ้าเพื่อระบุสินค้าและแสดงผลเสมือนบนลูกค้า
- อุปกรณ์สวมใส่ (Wearable Devices): ใช้อุปกรณ์ IoT ที่สวมใส่ได้เพื่อติดตามการเคลื่อนไหวและปรับขนาดเสื้อผ้า
เทคโนโลยี AR:
- การแสดงผลเสมือนจริง (Augmented Reality Displays): AR ซ้อนทับเสื้อผ้าดิจิทัลบนเงาของลูกค้า
- การสแกนร่างกายสามมิติ (3D Body Scanning): สร้างโมเดลดิจิทัลของร่างกายลูกค้าเพื่อปรับขนาดและแสดงเสื้อผ้า
- คุณสมบัติการโต้ตอบ (Interactive Features): ลูกค้าใช้การสัมผัสหรือการควบคุมด้วยท่าทางเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า สี และขนาด
ประโยชน์ของห้องลองเสื้อเสมือนจริง:
- ประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ดีขึ้น: ลูกค้าลองชุดหลายๆ แบบได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าจริง
- การปรับแต่งส่วนบุคคล: ระบบแนะนำเสื้อผ้าตามความชอบและการเลือกก่อนหน้า
- ความสะดวกสบาย: ลดความจำเป็นในการใช้ห้องลองเสื้อจริง ใช้ได้ทั้งในร้านและออนไลน์
- ลดการคืนสินค้า: ลดจำนวนการคืนสินค้าที่เกิดจากขนาดไม่ถูกต้อง
————————
ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง
————————